หากเปรียบเทียบค่าแรงขั้นต่ำในภูมิภาคอาเซียน พบว่า ไทยมีค่าแรงขั้นต่ำสูงเป็นอันดับ 3 โดยอันดับแรก เป็นสิงคโปร์ มีค่าแรงสูงสุดที่วันละ 2,000 บาท
รองลงมาเป็นบรูไน ค่าแรงอยู่ที่วันละ 1,800 บาท ซึ่งค่าแรงของสองประเทศนี้ประเมินจากค่าแรงโดยเฉลี่ยของแรงงานไร้ฝีมือในประเทศ เพราะไม่มีค่าแรงขั้นต่ำ
อันดับ 3 คือ ไทย และฟิลิปปินส์ ที่มีค่าแรงขั้นต่ำเท่ากันที่ 300 บาทต่อวัน
อันดับ 4 เป็น มาเลเซีย วันละ 270 บาท ซึ่งค่าแรงของมาเลเซีย ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่
อินโดนีเซียมีค่าแรงขั้นต่ำวันละ 230 บาท สูงเป็นอันดับ 5
อินโดนีเซียมีค่าแรงขั้นต่ำวันละ 230 บาท สูงเป็นอันดับ 5
ส่วนประเทศที่เหลือก็มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำลดหลั่นกันไป โดยประเทศที่มีค่าแรงขั้นต่ำต่อวันถูกที่สุดคือ กัมพูชา วันละ 75 บาท
ค่าแรงขั้นต่ำของไทย ประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอัตราที่สูงที่สุดในภูมิภาค แต่ก็นับเป็นการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่มากท่ีสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพราะในช่วงปี 2546-2553 ค่าจ้างเฉลี่ยแรงงานภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อบละ 3 ต่อปีเท่าน้ัน โดยในปี 2553 ค่าจ้างเฉลี่ยแรงงานภาคเอกชนอยู่ที่ 328 บาทต่อวัน แต่หลังรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ใช้นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาทในการหาเสียง และได้รับการเลือกตั้งในปี 2554 ก่อนจะมีการประกาศใช้นโยบายนี้อย่างเป็นทางการในปีต่อมา
ซึ่งได้ส่งผลให้ค่าจ้างโดยเฉลี่ยแรงงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นทุกปี จนถึงปี 2556 ท่ีใช้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ ค่าจ้างโดยเฉลี่ยแรงงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่วันละ 456 บาท หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ต่อปี
กลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมกลุ่มสิ่งทอ ที่ใช้แรงงานจำนวนมาก ข้อมูลจากสำนักเศรษฐกิจการแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่า กลุ่มสิ่งทอจะมีต้นทุนรวมเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 13.87-22.75 รองลงมาเป็นเครื่องแต่งกาย และเครื่องหนัง
แต่ในมุมมองของแรงงาน มองว่าค่าแรงขั้นต่ำที่วันละ 300 บาท ในยุคนี้นั้น ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพที่เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 360 บาท จึงเรียกร้องขอขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งจะมีการพิจารณากำหนดค่าแรงขั้นต่ำใหม่อีกครั้งในเดือนพฤษภาคมนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น